วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Vin





Le vin est une boisson alcoolisée obtenue par la fermentation du raisin, fruit de la vigne (Vitis vinifera).


En Europe, selon la définition légale, le vin est le produit obtenu exclusivement par la fermentation alcoolique, totale ou partielle, de raisins frais, foulés ou non, ou de moûts de raisins.


La transformation du raisin en vin est appelée la vinification. L'étude du vin est l'œnologie (du grec œno = vin et logie = science).


Le secteur viticole se sépare en deux professions : les vignerons indépendants (représentés en France par les Vignerons Indépendants de France) qui assurent la production de leur vin, du cep de vigne à la mise en bouteille, en passant par la vinification et qui constitue la branche artisanale, et les viticulteurs coopérateurs qui n'effectuent pas la vinification.

Types de vins


  • Selon la teneur en sucre naturel (vins tranquilles)



  • Selon la pression des gaz dissous à saturation
    • Vin tranquille (pas de présence de bulles, à 20° la quantité de gaz carbonique est inférieure à un gramme par litre de vin. La plupart des vins sont des vins tranquilles)
    • Vin effervescent (présence de bulles)
      • Vin perlant (plus d'un gramme de gaz carbonique par litre de vin. Des bulles se forment à 20° lors de l'ouverture de la bouteille)
      • Vin pétillant (à bouteille fermée et à 20° le gaz carbonique dissous subit une surpression de 1 à 2,5 bars)
      • Vin mousseux (à bouteille fermée et à 20° le gaz carbonique dissous subit une surpression supérieure à 3 bars. Le Champagne et les crémants sont des vins mousseux)




วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

7 อาการปวดที่ไม่ควรมองข้าม

ปวดศีรษะ

อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง หรือปวดสุดๆเท่าที่เคยปวดมาเลยแบบนี้ ต้องพบแพทย์ครับ หากว่าคุณเป็นหวัดแล้วปวดสุด ๆ มันอาจจะมีสาเหตุมาจากไซนัสก็ได้หากไม่เป็นหวัด ก็อาจจะมีสาเหตุที่รุนแรง เช่น เลือดออกในสมอง เนื้องอกในสมองก็เป็นได้ ซึ่งบางครั้งต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายที่ละเอียด หรือ ต้องใช้เครื่องมือ เช่น CT Scan เพื่อช่วยการวินิจฉัยโรค

ปวดหน้าอก

อาการปวด หรือแน่น อึดอัด บริเวณหน้าอก คอ ขากรรไกร ไหล่ แขน หรือ ท้อง (Pain or Discomfort in the Chest, Throat, Jaw, Shoulder, Arm, or Abdomen) อาการปวดแถวนี้เป็นได้จากหลายสาเหตุครับ โดยอาการปวดบริเวณหน้าอกอาจจะเกี่ยวเนื่องกับโรคหัวใจได้ แต่ควรระวังว่า ภาวะที่เกิดจากหัวใจนั้น โดยทั่ว ๆ ๆไปจะแสดงออกมาในรูปของอาการแน่น อีดอัด ไม่สบาย มากกว่า
อาการปวดโดยผู้ป่วยโรคหัวใจจะอธิบายไว้ครับว่า เหมือนกับมีช้างมานั่งทับอยู่บนหน้าอกนั่นแหละ ส่วนตำแหน่งที่รู้สึกไม่สบายนั้น มักจะเป็นส่วนบนของหน้าอก คอ ขากรรไกร ไหล่ซ้าย หรือแขนครับ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออกท่วมตัว จะเป็นลม หน้าดูซีด แบบนี้ต้องรีบไปรพ.โดยด่วนเลยครับ บางครั้งอาจมีอาการปวดท้องก็มักจะเกิดขึ้นร่วมกันอาการคลื่นไส้ ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นอาการของโรคจากทางเดินอาหาร ( GI Distress) จริงๆแล้วเป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจที่ผนังด้านล่างขาดเลือด แต่สำหรับอาการของผู้หญิงนั้น จะดูยากกว่าเพราะผู้ป่วยมักจะคิดว่าเป็นอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารเช่น ท้องอืด แน่น หรือ ความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง มักไม่ค่อยคิดว่า ตนเองอาจมีโรคหัวใจ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการเหนื่อยร่วมด้วย อีกทั้งโอกาสในการเป็นโรคหัวใจจะเพิ่มขึ้นมากในผู้หญิงวัยทอง ดังนั้นคุณผู้หญิงทั้งหลายต้องระมัด ระวังและอย่าไปนิ่งนอนใจเพราะคิดว่าอาการดังกล่าวเป็นเพียงแค่อาหารเป็นพิษเท่านั้น

ปวดหลัง

อาการปวดหลังส่วนล่างหรือ ระหว่าง สบัก ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะคิดว่าเป็นอาการของข้ออักเสบ (arthritis) กล้ามเนื้ออักเสบ แต่ก็สามารถจะเป็นอย่างอื่นได้อีก รวมทั้งโรคหัวใจ หรือ ปัญหาเกี่ยวกับช่องท้อง (Abdominal problems) ที่เป็นอันตรายอีกอย่างหนึ่งก็คือ Aortic Dissection คือเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจมีการแยกชั้น ซึ่งอาการปวดอาจจะเป็นไปในลักษณะ ค่อยๆ ปวดเพิ่มขึ้น หรือ ปวดทันทีทันใดก็ได้ ผู้ที่มีความเสี่ยงมาก ก็คือ ผู้ที่มีโรคความดันสูง ผู้ที่สูบบุหรี่ และเป็นโรคเบาหวานโรคนี้อันตรายมากเช่นเดียวกัน ต้องรีบไปรพ.โดยด่วน

ปวดท้อง

อาการปวดท้องอย่างรุนแรง (Severe Abdominal Pain) ถ้าหากไส้ติ่งของคุณยังอยู่ นั่นอาจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่สาเหตุของมันอาจจะเป็นอย่างอื่นอีกก็ได้เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ ,ตับอ่อนอักเสบ ,กระเพาะทะลุ ,ลำไส้อุดตัน โดยแต่ละอย่างมีลักษณะที่พอแยกได้ดังนี้

ไส้ติ่งอักเสบ
จะปวดท้องด้านขวา ล่าง ต่ำกว่าระดับของสะดือ อาจมีหนาว หรือมีไข้ เบื่ออาหาร กินข้าวไม่ลง
ตับอ่อนอักเสบ จะปวดใต้ลิ่นปี่ ร้าวไปหลัง ปวดมากๆ บางคนมีประวัติ ทานเหล้า เบียร์มาเยอะ แต่บางคนก็เกิดจากนิ่วจากถุงน้ำดีหล่นมาอุด พวกนี้จะไม่มีประวัติกินเครื่องดื่ม Alcohol
กระเพาะอาหาร พวกนี้ก็จะปวดใต้ลิ่นปี่ ร้าวไปหลังได้คล้ายๆ ตับอ่อนอักเสบ แต่ถ้าแค่กระเพาะอักเสบ อาการจะไม่รุนแรงมาก ปวดเฉพาะลิ้นปี่ ด้านล่างๆจะไม่ปวด คนไข้จะพอเดินได้ แต่ถ้ากระเพาะอาหารทะลุ พวกนี้จะปวดลิ้นปี่รุนแรง มักปวดด้านล่างร่วมด้วย ส่วนใหญ่มักล่างขวา แต่บางทีก็ปวดทั่วท้องเลย มักต้องหามมา เดินไม่ไหว
ลำไส้อุดตัน ส่วนใหญ่มักปวดเป็นพักๆ บีบๆ เหมือนอะไรวิ่งเป็นลูกๆในท้อง มีอาการ ไม่ถ่าย ไม่ผายลม มักมีประวัติเคยผ่าตัดช่องท้อง ดังนั้นถ้าปวดท้องรุนแรง ต้องรีบพบแพทย์เลยครับ

ปวดข

อาการปวดบริเวณน่อง (calf)ที่จัดว่าอาการปวดบริเวณนี้เป็นอันตรายก็เพราะสาเหตุของมันอาจจะมาจากเส้นเลือดดำอุดตัน (deep vein thrombosis) หรือDVT ก็ได้โดยเส้นเลือดที่อุดตันนั้น สามารถเกิดขึ้นที่ deep veins ของขาได้ และโรคนี้เกิดขึ้นกับคนอเมริกันมากถึงปีละ 2 ล้านคน แล้ว ซึ่งที่เราอาจเคยได้ยินว่าคนที่นั่งเครื่องบินชั้น Economy Class แล้วเกิดเส้นเลือดดำอุดตัน ก็คือโรคนี้แหละครับและเมื่อมันเกิดขึ้น มันก็รบกวนการดำเนินชีวิตมากเสียด้วยและสิ่งที่เป็นอันตรายก็คือ ก้อนเลือดเล็ก ๆ ที่อุดตันนั้น สามารถที่จะหลุดออกและไปอุดที่อื่นแทนซึ่งหากเป็นจุดสำคัญ เช่นไปอุดเส้นเลือดในปอดก็เป็นอันตรายถึงชีวิต กลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคอ้วน คนท้อง รวมทั้ง ผู้ที่ต้องเดินทางนั่งอยู่ท่าเดียวนานๆ หรือพวกที่หลังผ่าตัด นอนนานๆ ไม่ค่อยได้ขยับตัว ขยับเขยื่อนร่างกาย บางครั้งอาการจะปรากฏออกมาให้เป็นในรูปของการบวม ตึงที่น่องแต่ไม่ปวด หรือทั้งปวดทั้งบวมบริเวณกล้านเนื้อน่องก็ได้ ไม่เพียงแต่เส้นเลือดดำอุดตันที่อุดตันได้ เส้นเลือดแดงก็สามารถอุดตันได้เช่นเดียวกัน โดยจะมีอาการปวดที่ขา ปวดมาก จะมีอาการขาเย็นร่วมด้วย เย็นแบบรู้สึกได้เลย ขาจะดูซีด แบบนี้ก็ต้องรีบไปรพ.ด่วนเลย ไม่งั้นกล้ามเนื้อจะตาย

ปวดเท้า

อาการปวดร้อนที่เท้าและขา (Burning Feet or Legs) มีคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจำนวนมากไม่ได้รับการรักษา เพราะบางคนไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคดังกล่าว อาการนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งบ่งชี้ในเริ่มแรก โดยจะรู้สึก burning or pins-and-needles sensation ที่เท้าและขา นั่นเป็นการบ่งบอกว่า เกิดความเสียหายขึ้นกับเส้นประสาทเข้าแล้ว ในคนไข้ที่เป็นมากๆ โรคเบาหวานจะทำให้เส้นประสาทเสีย เกิดอาการชาที่เท้าแทน ทำให้คนไข้สามารถเดินเหยียบบุหรี่ได้โดยไม่รู้สึก บางครั้งเกิดเป็นแผลจนเน่าถึงรู้ตัวว่ามีแผลเพราะได้กลิ่นก็มี

ปวดแปลกๆ


อาการปวดแบบแปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้ (Vague, Combined, or Medically Unexplained Pains) จริง ๆ แล้วอาการปวดมีหลายแบบ บางคนอาจจะบอกว่า ปวดศีรษะแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ปวดท้องหรือปวดแขน แปลก ๆ อธิบายไม่ถูกหรืออาจจะมีอาการปวดหลายแบบผสมกัน อาการปวด อาจะเป็นอาการเรื้อรัง และ ไม่ได้รุนแรง การอธิบายออกมาไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจอาการผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีความเครียดดังนั้น ยิ่งถ้าคุณมีความเครียด หรือวิตกกังวลมากเท่าไหร่ ก็ให้พยายามอธิบายความรู้สึกให้มากเข้าไว้ อย่างไรก็ตาม อาจจะมีอาการในลักษณะอื่น ๆ ที่แสดงออกมาอีก และเมื่อไหร่ที่ควรจะมาพบแพทย์ ตัวคุณเองต้องลองสังเกตดูว่า อาการที่เกิดกับตัวคุณนั้นส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันหรือไม่ มันทำให้คุณไม่สามารถทำงานให้ลุล่วงได้หรือเปล่าหรือมันทำให้คุณอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ค เช็คให้รู้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

สำหรับทุกๆคน


สำหรับใครที่ยัง........"โสด"

ความรักนั้นมันก็เหมือนกับ"ผีเสื้อ"ยิ่งคุณวิ่งเข้าหามันเท่าไหร่ มันก็จะห่างคุณออกไปเท่านั้น แต่ถ้าคุณปล่อยมันไปมันจะเข้ามาหาคุณเองแหละ ถ้าคุณไม่คาดหวังกับมันมาก ความรักสามารถทำให้คุณมีความสุข แต่มันก็สามารถทำให้คุณเจ็บปวดได้บ่อยๆ เหมือนกัน แต่ความรักเป็นสิ่งที่พิเศษ ถ้าคุณได้ให้มันกับใครสักคนที่เค้าดีที่สุดสำหรับคุณ ดังนั้นค่อยๆหาไปล่ะกันนะและเลือกคนที่ดีที่สุด สำหรับคุณ......


สำหรับใครที่....."ไม่โสด"

เค้าบอกว่า... ความรักไม่ได้มาจากคนที่สมบูรณ์ไปหมดทุกอย่าง แต่มันจะมาจากคนที่สามารถช่วยคุณให้เป็น คนที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะเป็นได้.....


สำหรับใครที่เป็น......."เสือผู้หญิงหรือคนเจ้าชู้"

อย่าพูดคำว่า"รัก"เลยถ้าคุณไม่ได้กมายความถึงคำๆนั้นจริง อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตเค้าเลย ถ้าคุณจะทำให้เค้าเสียใจ อย่าไปมองลึกถึงดวงตา ถ้าทุกคำพูดของคุณโกหกทั้งเพ มันไม่ยุติธรรมถ้าผู้ชายทำให้ผู้หญิงเขาหลงรัก แล้วไม่ใส่ใจใยดี ถ้าผู้หญิงต้องอกหักและในทางกลับกันของ ผู้หญิงก็เหมือนกัน......


สำหรับใครที่......."แต่งงานแล้ว"

ความรักไม่ใช่..."มันเป็นความผิดของคุณ" แต่จะเป็นคำว่า "ฉันขอโทษ" มากกว่าที่จะบอกว่า "ไปอยู่ไหนมา" แต่จะเป็นคำว่า "ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ" มากกกว่าที่จะบอกว่า "คุณทำได้อย่างไร" ไม่ใช่คำที่พูดว่า... "ฉันอยากให้คุณอยู่ตรงนี้" แต่จะเป็นคำว่า....." ขอบคุณนะที่เธออยู่ตรงนี้กับฉัน"


สำหรับใครที่......"หมั้นหมายกันอยู่"

สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่ว่า การอยู่ด้วยกันเป็นปีๆ แล้วไม่ได้ทะเลาะกัน แต่จะอยู่ที่ว่า ความดีที่คุณทั้งสอง มีต่อกันมากกว่า......


สำหรับใครที่......"อกหัก"

(อันนี้เค้าเขียนดี..เค้าบอกว่า...) การอกหักมันยาวนานพอๆ กับที่คุณต้องการให้มันอยู่กับคุณหรือ อยากจะตัดใจให้ออกไปจากใจของคุณ สิ่งที่สำคัญก็คือว่า มันไม่ใช่จะต้องอยู่กับการอกหัก แต่มันอยู่ที่ว่า....เราเรียนรู้จากมันได้แค่ไหน ต่างหาก......


สำหรับใครๆที่...."ยังไม่เคยรัก"

จะรักได้อย่างไร:.... อย่ารักแบบหัวปักหัวปำเป็นตัวของตัวเองบ้าง แต่อยากให้เห็นแก่ตัวเองทั้งหมด รู้จักแบ่งปันและอย่าเอาเปรียบ พยายามเข้าใจกันและกันมากกว่าที่จะบอกว่า ตัวเองต้องการอะไร ถึงจะเจ็บก็เจ็บ แต่อย่าเอาความเจ็บนั้น ติดตัวเสมอไป สำหรับใครที่......"มีคนหลงรักอยู่" เค้าบอกว่า...มันเจ็บปวดที่เห็นคนที่เรารัก ไปมีความรักกับคนอื่น แต่มันจะเจ็บปวดยิ่งกว่าถ้าคนที่เรารัก ไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับคุณ


สำหรับใครที่......"กลัวต่อการสารภาพ(รัก)"

ความรักมันเจ็บปวด ถ้าคุณต้องไปบอกเลิกกับใครสักคน แต่มันจะเจ็บยิ่งกว่าถ้ามีคนมาบอกเลิกกับคุณ แต่มันจะเจ็บสุดๆ ถ้าคนที่คุณรัก เค้าไม่รู้เลยว่า คุณรักเค้าแค่ไหน?????


สำหรับใครๆที่ยัง......."คบๆกันอยู่"

เค้าบอกว่า..สิ่งที่เสียใจในชีวิตก็คือ การที่เราพบใครสักคนที่เรารัก และคบกันไปจนถึงวันสิ้นสุด ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสอง..... คุณเสียเวลาไปเป็นปีๆ ให้กับคนที่คนที่เค้ายังไม่ใช่คนๆนั้นสำหรับคุณ แต่ถ้าเค้าคนนั้นของคุณ ไม่ใช่คนที่ใช่เลยแล้วล่ะก็ คุณจะมาเสียเวลาเป็นปีๆให้เค้าทำไม... สู้เลิกกันเสียแต่ตอนนี้ดีกว่า.....


สำหรับเพื่อนๆทุกๆคน.......

เค้าบอกว่า.... ฉันปรารถนาให้ทุกๆคนที่มีความรัก จงซื่อสัตย์เข้มแข็ง อย่าอ่อนไหวอย่าโลเล อย่าเห็นแก่ตัว ให้ความรักของคุณเจริญเติบโตมากขึ้นๆ ให้ความฝันความหวังและ ให้รางวัลชีวิตแด่กันและกัน

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วันตรุษจีน

"ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ"



ปีใหม่ขอให้ทุกอย่างสมหวัง ปีใหม่ขอให้ร่ำรวย
ความรู้เกี่ยวกับ "วันตรุษจีน"
นับเป็นประเพณีนิยม ในวันตรุษจีน ที่เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชนชาติจีนแผ่นดินใหญ่และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน นั่นแสดงว่าเป็นสัญญาณอันดีที่จะมีงานรื่นเริง การสวมใสเสื้อสีแดงสด อันเป็นสีที่เป็นศิริมงคลของพี่น้องชาวจีน อาจจะบอกดว่าเป็นวันครอบครัว ที่จะได้พบปะสังสรรค์ กินเลี้ยงอย่างมีความสุข ...อันเป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยการให้ทาน การทำบุญทำกุศล หรือแม้กระทั่งที่วัดจีนประชาสโมสร ก็มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ทำทานในวันขึ้นปีใหม่ นำมาซึ่งความปิติ-มีความสุขเปี่ยมล้น มีผลทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต ทำงาน-ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

อาหารไหว้เจ้า

ในวันฉลองตรุษจีนอาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันไหนๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน
เม็ดบัว
- มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด
- มีความหมายถึง เงิน
สาหร่ายดำ
- คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง
- คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้
- คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์
อาหารอื่นๆ รวมไปถึงปลาทั้งตัว เพื่อเป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดม- สมบรูณ์ และไก่สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ก็ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว
ทางตอนใต้ของจีน จานที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ทางเหนือ หมั่นโถ และติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึ
ง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน

Saint-Valentin


Le jour de la Saint-Valentin, le 14 février, est considéré dans de nombreux pays comme la fête des amoureux. Les couples en profitent pour échanger des mots doux et des cadeaux comme preuves d'amour ainsi que des roses rouges qui sont l'emblème de la passion.
À l'origine fête de l'
Église catholique, le jour de la Saint-Valentin n'aurait pas été associé avec l'amour romantique avant le haut Moyen Âge. La fête est maintenant associée plus étroitement à l'échange mutuel de « billets doux » ou de valentins illustrés de symboles tels qu'un cœur ou un Cupidon ailé.
À l'envoi de billets au XIXe siècle a succédé l'échange de cartes de vœux. On estime qu'environ un milliard de ces cartes sont expédiées chaque année à l'occasion de la Saint Valentin, chiffre battu seulement par le nombre de cartes échangées lors des fêtes de
Noël. On estime aussi que 85% de ces cartes sont achetées par des femmes.


คำศัพท์

considérer ถือเอา จัดว่าเป็น

couple คู่ สามีภรรยา

amour ความรัก

ainsi เพราะฉะนั้น

rose ดอกกุหลาบ