วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เคล็ด"ลับสมองให้คม"

- การออกกำลังกายมีคำยืนยันจากศูนย์สุขภาพ ของมหาวิทยาลัยดยุค ในรัฐแคโรไลน่าว่า แค่ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ช่วยให้สมองปลอดโปร่งทำงานได้ดีขึ้นแล้ว ระบบหมุนเวียนโลหิตจะดี ทำให้สมองส่วนหน้าที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องของการวางแผน การจัดการหรือการคิดอย่างเป็นระบบตื่นตัวขึ้น
- ฟังเพลงคลาสสิค ไม่ว่าเป็นของบาสค์ บีโธเฟน หรือโมซาร์ท เปิดฟังก่อนนอน จะช่วยปรับคลื่นความคิดของเราให้เป็นปกติ

- กินอาหารเช้า ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่ขาดอาหารมาทั้งคืน สมองก็เป็นด้วยเหมือนกัน ไม่อยากให้สมองเฉื่อยชา ต้องกินอาหารเช้าให้เป็นนิสัย รับรองวันนั้นทั้งวัน ปัญหาอะไรก็คิดออก

- วาดรูป แค่วาดรูปประกอบลงไปเวลาที่จดบันทึกหรือคำอธิบายต่างๆ เพราะรูปภาพจะช่วยให้จำรายละเอียดได้ง่ายขึ้น และเวลาที่วาด เราต้องมอง แล้วแปลทุกอย่างออกมาเป็นภาพวาด เป็นการใส่ความจำเข้าไปในสมองครั้งหนึ่งแล้ว

- คุยกับคนอื่นๆ เปิดความคิดให้กว้าง รับฟังความคิดใหม่ๆ จากคนอื่นๆ สามารถให้แนวคิดที่ดีกับเราได้เสมอขอแต่เพียงว่าต้องเปิดใจให้กว้าง รับฟังเสียงความคิด จากทุกคน... ไม่จำเป็นว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร


Tarte au chocolat

Ingrédients :

-Pâte Sablée 200g de farine

-125g de beurre ramolli

-120g de sucre glace

-40g de poudre d'amandes

-2 jaunes d'oeufs

-2 gousses de vanille


Garniture

-20ml de crème fraîche liquide

-8cl de lait entier

-200g de chocolat noir 70% de cacao coupé en petits morceaux

-1 gros oeuf


Préparez la pâte

1. Fendez les gousses de vanille et récoltez les petites graines noires à l'intérieur en raclant avec une petite cuillère

2. Mettez les dans un saladier avec les jaunes d'oeufs

3. Dans le bol d'un mixer mélangez la poudre d'amande avec le sucre glace

4. Ajoutez la farine et le sel et mixez

5. Ajoutez le beurre et mixez 10s

6. Ajoutez les jaunes d'oeufs avec la vanille et mixer par petits coups 8 fois jusqu'à ce que la pâte soit bien homogène (sans toutefois former une boule

7. Formez une boule et laissez la reposer au moins une heure au frigo


Finalisez la tarte

1. Préchauffez le four à thermostat 6

2. Etalez la pâte sur un moule et faites cuire à blanc 15mn (pour avoir des bords nets, vous pouvez les couper au bout de 5mn de cuisson)

3. Portez à ébullition la crème et le lait dans une casserole

4. Retirez du feu et ajoutez le chocolat en remuant continuellement jusqu'à ce que le mélange soit homogène

5. Versez le mélange sur le fond de pâte froide

6. Faites cuire au four 12 à 15mn thermostat 6 (190°)

วิธีการผ่าแตงโมโดยไม่มีเมล็ด

ขั้นที่ 1


ขั้นที่ 2

ขั้นที่3

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

คิดได้ไงเนี่ย...?

พจนานุกรมหัวใจ!!!

วิธีดูแลปกป้องรักษาทะนุถนอมเล็บ

1. อย่าล้างมือบ่อยเกินไป หลังล้างมือแล้ว เช็ดให้แห้ง เป่าลมร้อนช่วยด้วยจะยิ่งทำให้เล็บแห้งได้สนิท ทาโลชั่นที่บำรุงมือและเล็บโดยเฉพาะ (Hand and nail) อย่างสม่ำเสมอ

2. เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บ ถ้าจำเป็นต้องล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน เพราะเล็บจะมีความอ่อนนุ่ม ทำให้ง่ายต่อการตัดแต่ง แต่ถ้าหากไม่รอหลังอาบน้ำให้แช่เล็บในน้ำอุ่น สัก 5 นาทีก่อนตัดเล็บ

3. พยายามทาสีเล็บให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เล็บได้พักผ่อน หลีกเลี่ยงการเพ้นท์สีเล็บที่อาจจะมีสารเคมีทำลายเนื้อเล็บได้ แต่ถ้าอยากจะทำควรเลือกเป็นสีทาเล็บที่มีคุณภาพ และช่วยถนอมเล็บด้วย ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาเล็บชนิดแห้งเร็วที่มีส่วนผสมของ อะซิโตน (acetone) เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากเล็บของเรา ทำให้เล็บแห้งและลอกหลุดได้ง่าย และก่อนการทาเล็บทุกครั้ง ควรใช้น้ำยาเคลือบเล็บชนิดใสทาก่อนที่จะลงสี จะช่วยไม่ให้เล็บเสียความชุ่มชื่น และลดการสัมผัสกับสีทาเล็บโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เล็บเหลืองได้ง่าย หลังจากนั้นเคลือบทับด้วยน้ำยาชนิดใสอีกครั้ง ก็จะช่วยให้สีทาเล็บติดทนนานยิ่งขึ้น

4. ควรหลีกเลี่ยงทำเล็บบ่อยๆ ที่ร้านเสริมสวย เพราะช่างมักจะแคะเล็ม ตัดจมูกเล็บให้เสียหาย และการขูดผิวเล็บเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวทำให้เล็บเงางามขึ้น ผิวเล็บเรียบ และดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บ ดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ หลังจากนั้น ใช้แผ่นขัดเล็บ ซึ่งคล้ายกระดาษทราย ขัดหน้าเล็บเบา เพื่อให้ผิวหน้าเล็บเรียบสม่ำเสมอ แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บ ถูเบาๆ เพื่อให้ฝุ่นและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเจลาตินเคลือบอยู่ ขัดถูบนหน้าเล็บเบาๆ ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมีสุขภาพดี การขัดเงาเล็บแต่ละครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์

5. ตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ เพราะการไว้เล็บยาวเกินไปอาจทำให้เล็บเกิดฉีกขาดได้ง่ายควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้านั้น พยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุดเพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามซอกเล็บและโอกาสเกิดเล็บขบ ไม่ควรตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ งัดแงะขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้ และอีกสิ่งที่มาควบคู่กับการตัดเล็บก็คือการตะไบ การตะไบเล็บให้สวย ถ้าหากใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีก แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิคสามารถตะไบสวนทางกันได้ นอกจากนี้ การตะไบเล็บควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ


6. การเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ มากกว่าหนึ่งครั้งต่อ สัปดาห์ทำให้เราต้องล้างเล็บมากขึ้น และน้ำยาล้างทำความสะอาดเล็บนี่เองจะเป็นตัวกัดหน้าเล็บของเราให้กร่อน เป็นหลุมเป็นขุยได้เหมือนกัน นอกจากนี้ควรมีเวลาให้เล็บได้ว่างเว้นจากการทาสี เพราะนอกจากเล็บจะได้พักหรือฟื้นสภาพที่เสียไปแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เราได้สังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเล็บอีกด้วย การต่อเล็บ หรือการตกแต่งประดับเล็บนั้น ควรทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และต้องใช้อุปกรณ์ที่สะอาด และมีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการแพ้หรือการสะสมของเชื้อโรค หากชื่นชอบการต่อเล็บและตกแต่งเล็บด้วยเครื่องประดับ ต้องหมั่นสังเกตดูว่า เล็บเกิดมีจุดดำ หรือเปลี่ยนสี หรือผิดรูปหรือเปล่า

7. การล้างทำความสะอาดเล็บ ควรล้างมือและเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ ใช้แปรงนุ่มๆ ขัดตามซอกเล็บเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ชโลมด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับมือและเล็บ

LA COMPARAISON

++ Adjectif & Adverbe : [เปรียบเทียบคำคุณศัพท์ หรือ คำกริยาวิเศษ]
- plus ... que (supériorité) [มากกว่า]
- aussi ... que (égalité) [เท่ากัน]
- moins ... que (infériorité) [น้อยกว่า]
* Elle est plus grande que toi. [หล่อนตัวสูงกว่าเธอ]
* Cette voiture est aussi chère que l'autre. [รถคันนี้ราคาแพงเท่ากับอีกคันหนึ่ง]
* Je conduis moins vite que mon frère. [ฉันขับรถช้ากว่าพี่ชายของฉัน]
(Attention : l'adjectif doit s'accorder avec le sujet : คุณศัพท์ต้องสัมพันธ์กับประธาน)

++ Nom : [เปรียบเทียบคำนาม]
- plus de ... que (supériorité) [มากกว่า]
- autant de ... que (égalité) [เท่ากัน]
- moins de ... que (infériorité) [น้อยกว่า]
* Vous avez plus de chance que nous. [พวกเธอโชดดีกว่าเรา]
* Il y a autant de problèmes en France qu'en Thaïlande. [ในประเทศฝรังเศส มีปัญหามาก เหมือนในประเทศไทย]
* Aujourd'hui il y a moins de monde qu'hier. [วันนี้มีคนน้อยกว่าเมื่อวานนี้]

++Verbe : [เปรียบเทียบคำกริยา]
- plus (de...) que (supériorité) [มากกว่า]
- autant (de...) que (égalité) [เท่ากัน]
- moins (de...) que (infériorité) [น้อยกว่า]
* Sounisa mange plus que Klomjit. [สุนิสากินมากกว่ากล่อมจิต]
* Les femmes travaillent autant que les hommes. [ผู้หญิงทำงานมากเทียบเท่าผู้ชาย]
* Hathaïporn parle moins que Chitchanok. [หทัยพรพูดน้อยกว่าชิดชนก]

++Bon et Bien [ขั้นกว่าของ bon คือ meilleur, bonne คือ meilleure และ ขั้นกว่าของ bien คือ mieux]
- plus bon (que) =>meilleur (que)
- plus bien (que)=> mieux (que)
* Cette tarte aux pommes est meilleure que l'autre. [ขนมพายหน้าแอปเปิลนี้อร่อยกว่าอีกชิ้นหนึ่ง]
* Maintenant, je comprends mieux. [ตอนนี้ฉันเข้าใจดีขึ้น]
+ Pire = plus mauvais, plus mal [ plus mauvais และ plus mal เราสามารถใช้ pire ได้ด้วย ]
* Son résultat est pire que l'année dernière. [ผลการเรียนของเขาแย่กว่าปีที่แล้วอีก]
* Il travaille pire qu'avant. [เขาทำงานแย่กว่าเมื่อก่อน]

++Comme (s'utilise fréquemment dans la comparaison pour exprimer l'égalité)
[เรานิยมใช้ comme ในการเปรียบเทียบ เพื่อบอกความเท่าเทียมหรือเหมือนกัน]
* Elle est belle comme sa mère. (= Elle est aussi belle que sa mère.) [หล่อนสวยเหมือนแม่ของหล่อน]
* Il est rapide comme l'éclair. [เขารวดเร็วปานสายฟ้า]
++ Le même...que, la même...que, les mêmes...que (s'utilisent aussi fréquemment pour exprimer l'égalité entre deux personnes, deux choses, deux faits.)

[ เรานิยมใช้ le même...que, la même...que, les mêmes...que ในการเปรียบเทียบ เพื่อบอกความเท่าเทียม หรือเหมือนกันของ คนสองคน ของ ของสองสิ่ง ของ เหตุการณ์สองเหตุการณ์]
* Je prends le même bus qu'elle pour aller à l'école. [ฉันขึ้นรถโดยสารคันเดียวกับหล่อนเพื่อไปโรงเรียน]
* Nous sommes dans la même classe que toi. [เราอยู่ชั้นเรียนเดียวกับเธอ]
* Elle a les mêmes goûts que moi. [หล่อนมีรสนิยมเหมือนกับฉัน]

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

กำจัดหน้าท้องให้หายไป

++ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี เตรียมตัวกันไม่นานแต่ก็ออกมาดูดีนะ คงหายเหนื่อยกันแล้วใช่มั้ยเพื่อนๆๆBye..
++ ท่าที่ 1เริ่มต้นกันด้วยท่านี้สำหรับกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบนก่อนหรือแถวบริเวณที่เราเรียกว่าพุง
1. นอนราบกับพื้น ยกกเข่าทั้งสองขึ้นตั้งฉาก ไขว้ข้อเท้าทั้งสองให้ขัดกันไว้
2. ประสานแขนรองใต้ศรีษะ ทำเหมือนเป็นหมอนรองใต้ศรีษะ
3. ยกไหล่และศรีษะขึ้นจะรู้สึกเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้อง ค้างไว้ นับ 1-104. พักขาและไหล่ลงทำซ้ำอีก 12 ครั้ง
++ ท่าที่ 2 ท่านี้จะบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนล่าง
1. นอนหงายราบกับพื้น
2. ใช้แขนตั้งลำตัว งอเข่าขาตั้งฉากชูขึ้น ค้างไว้ นับ 1-10 จากนั้นวางขาลงแล้วทำซ้ำอีก 12 ครั้ง
3. ถ้ายกลำตัวไม่ไหว ให้วางแขนทัง้งสองข้างราบกับพื้นข้างลำตัว แล้วยกบั้นท้ายขึ้น ให้ช่วงก้นลอยจากพื้น
4. งอเข่าขาทั้งสองตั้งฉากชูขึ้นข้างบน ดึงเข่าเข้าหาคาง อย่าพยายามให้เข่าเลยคางออกมา ค้างไว้ นับ 1-10 ทำซ้ำอีก 12 ครั้ง
++ ท่าที่ 3 ท่านี้จะเน้นบริเวณช่วงกลางลำตัวทั้งหมด
1. นอนหงายราบกับพื้น มือประสานที่ท้ายทอย
2. ค่อยๆงอเข่าซ้ายขึ้น ดึงเข้าหาศอก พร้อมกับยกข้อศอกด้านขวาเข้าไปหาเข่าซ้าย ขณะที่ยกขาขวาเหยียดตรง ทำมุม 30 องศากับลำตัว
3. สลับเปลี่ยนข้าง เป็นเข่าขวาและข้อศอกซ้าย พร้อมกับขาซ้ายยกเหยียดตรง
4. ทำซ้ำข้างละ 10ครั้ง รวมเป็น 20 ครั้ง
++ ท่าที่ 4 ท่านี้สำหรับบริหารกล้ามเนื้อด้านข้างและหน้าท้อง
1. นอนหงายราบกับพื้น มือประสานกันไว้ที่ท้ายทอย
2. ชันเข่าขึ้น พาดขาซ้ายที่เข่าขวา เหมือนนั่งไขว่ห้าง
3. ยกศรีษะขึ้น ยกข้อศอกขวาขึ้น พ้อมไหล่ขวาบิดเข้าหาตัวด้านซ้าย
4. ทำสลับข้าง ข้างละ 10 ครั้ง รวมเป็น 20 ครั้ง

Ajaccio

Géographie

Ajaccio est une ville de France, chef-lieu du département de Corse-du-Sud (2A) sur la côte ouest de la Corse, au fond du golfe d'Ajaccio. La commune en elle-même s'étend sur la rive nord du golfe, entre la Gravona et les Îles Sanguinaires (incluses). De nombreuses plages et criques bordent son territoire dont la partie Ouest est particulièrement accidentée (point culminant: 790 mètres).




Histoire

Plusieurs hypothèses ont été émises quant à l'étymologie du nom Ajaccio. Parmi celles-ci, la plus prestigieuse prétend que la ville aurait été fondée par le héros grec légendaire Ajax qui lui aurait donné son nom. D'autres explications sont cependant bien plus réalistes. Par exemple, le nom Ajaccio pourrait être apparenté au toscan agghiacciu (enclos à brebis). Une autre explication, étayée par des sources byzantinnes voisines de l'an 600 nomment la ville Agiation, suggérant une origine grecque du mot, agathè pouvant signifier "bonne fortune ou "bon mouillage" (racine également à l'origine du nom de la ville d'Agde).

La ville n'est pas mentionnée par le géographe grec Ptolémée d'Alexandrie au IIe siècle après Jésus Christ, malgré la présence d'une localité nommée Ourkinion dans la Cinarca voisine. Or c'est vraisemblablement à cette époque que la ville d'Ajaccio connut son premier développement. En cette période de prospérité au sein du bassin méditerranéen (la pax romana), le besoin d'un véritable port à même d'accueillir de grands bâtiments à l'aval des différentes vallées qui aboutissent dans le golfe se fit probablement sentir (d'importantes découvertes archéologiques sous-marines récentes d'embarcations romaines tendent à le confirmer). D'autres fouilles menées récemment ont permit la découverte d'importants vestiges paléochrétiens de nature à considérablement réévaluer à la hausse la taille de l'agglomération ajaccienne dans la deuxième partie de l'Antiquité et au début du Moyen Âge. La ville était en tous cas suffisamment notable pour être déjà le siège d'un diocèse, mentionné par le pape Grégoire le Grand en 591. La cité était alors située plus au nord que l'emplacement choisi plus tard par les génois, à l'emplacement des quartiers actuels de Castel Vecchio et Sainte-Lucie.

Il est établi qu'à partir du VIIIe siècle la ville, à l'instar de la plupart des autres communautés côtières corses, déclina fortement et disparut presque complètement. Néanmoins, on sait qu'un château et une cathédrale étaient toujours en place en 1492 et que cette dernière ne fut démolie qu'en 1748.

À la fin du XVe siècle, les Génois désireux d'affirmer leur domination sur le sud de l'île décidèrent de rebâtir la ville d'Ajaccio. Plusieurs sites furent alors considérés : la pointe de la Parata (jugé finalement trop exposé aux vents), l'ancienne ville (considéré finalement insalubre à cause de la proximité de l'étang des Salines), et la Punta della Lechia finalement choisie. Les travaux débutèrent le 21 avril 1492. La ville se développa rapidement et devint la capitale administrative de la province de l'Au Delà Des Monts (plus ou moins l'actuelle Corse-du-Sud), Bastia demeurant la capitale de l'île entière. D'abord une colonie peuplée exclusivement de Génois, la ville s'ouvre lentement aux Corses, même si jusqu'à pratiquement la conquête française, les Ajacciens légalement citoyens de Gênes, se distingueront très volontiers des paesani insulaires. Ces derniers habitants principalement le Borgu, faubourg à l'extérieur des remparts de la cité (l'actuelle rue Fesch en était l'artère principale).

Ajaccio fut occupée par les Français de 1553 à 1559, puis passa définitivement à la France en 1768. La ville fut faite par Napoléon Ier, qui en était originaire, la capitale de l'unique département de l'île au détriment de Bastia. C'est au cours des XIXe et XXe siècles qu'Ajaccio rattrapa son retard sur cette dernière et devint la ville la plus peuplée de l'île (bien que si l'on ajoute les communes avoisinantes, les agglomérations sont de tailles équivalentes). Au XIXe siècle, Ajaccio est une station d'hivernage très prisée de la haute société de l'époque, particulièrement anglaise, à l'instar de Monaco, Cannes, Nice. Une église anglicane fut même bâtie. Le 8 octobre 1943, Ajaccio fut la première ville française libérée de la domination allemande. La ville resta (avec quelques interruptions) un bastion électoral bonapartiste jusqu'aux élections municipales de 2001. La municipalité sortante fut alors battue par une coalition de gauche rassemblant sociaux-démocrates, communistes et... Charles Napoléon, prétendant au trône impérial !

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

++ใกล้ถึงงานวันชาติฝรั่งเศลแล้ว มีกิจกรรมมาทำกันอีกแล้ว น่าสนุกจัง!! แต่อย่าสนุกกันเพลินนะ อ่านหนังสือกันบ้างใกล้สอบแล้ว Bye.. **



หยิบกระจกขึ้นมาดูเร็ว ดูที่ปากตัวเองอะ ดูดิว่าปากเพื่อนเป็นแบบไหน ……….รู้ยัง…ถ้ารู้แล้วมาดูซิว่าเพื่อนมีนิสัยประมาณไหน….
ปากใหญ่
เป็นคนกระตือรือร้น ชอบดิ้นรนหาสิ่งใหม่ๆเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต เสาะแสวงหาประสบการณ์ความรู้ใส่ตน
ปากเล็ก
เป็นคนจิตใจหวั่นไหวง่าย มักเก็บกด มีความใฝ่ฝันและทะเยอทะยาน
ปากอิ่ม
เป็นคนมีอารมณ์โรแมนติก มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม
มุมปากโค้งลงเล็กน้อย
เป็นคนมีจิตใจเข้มแข็ง มักเก็บกด มีความใฝ่ฝันและทะเยอทะยาน
มุมปากโค้งขึ้น
เป็นคนที่มีความสามารถในการปกครองที่ดี บริหารงานโดยใช้สติปัญญา มีความรับผิดชอบสูง ร่าเริงเปิดเผย และมีเสน่ห์ในตนเอง
ปากอ้าหรือเผยอ
เป็นคนที่มีจิตใจดีงาม อารมณ์ดี เปิดเผย มองโลกในแง่ดี แต่มักเป็นคนที่ลังเล
มีเส้นลึกรอบริมฝีปาก
เป็นคนจับจดทำงานทีละอย่าง แต่มักไม่สำเร็จสักอย่าง ค่อนข้างเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียว
ปากบาง
เป็นคนมีเหตุผลมีความคิดดี สามารถเก็บความรู้สึกและควบคุมตนเองได้ดี ฉลาดรู้เท่าทันคน
ปากคว่ำ
เป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจตนเอง แต่มีความตั้งใจแน่วแน่
ริมฝีปากล่างหนาเต็มและอวบอิ่ม
เป็นคนเชื่อมั่นในตนเองสูง ขี้หึง
ปากรูปพระจันทร์เสี้ยว
เป็นคนจิตใจร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์อ่อนไหว โรแมนติก มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม
ปากบางและกว้าง
เป็นคนที่มีความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน มั่นใจในตนเองสูง จิตใจเข้มแข็งเยิ่อหยิ่งทะนงตน บ้าอำนาจ
ปากรูปหัวใจ
เป็นคนอ่อนแอ อ่อนไหว นิ่มนวล ถ้าเป็นผู้ชายจะมีจิตใจคล้ายผู้หญิง

อาชีพ ที่มีความสุขที่สุด

กระทรวงศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของเกาหลีใต้ สำรวจประชาชนกว่าสี่พันคนจาก 17 บริษัท พบว่า ...
++ อาชีพที่มีความสุขที่สุด คือ ช่างภาพ
++ ส่วนอาชีพที่มีความสุขน้อยสุด คือ วิศวกร
++ ส่วนอาชีพอื่นๆ ที่มีความสุขก็ คือ นักเขียน นักแต่งเพลง อาจารย์มหาวิทยาลัย นักสิทธิมนุษยชน นักรัฐศาสตร์ นักบวช
++ ส่วนอาชีพที่เข้าข่ายว่าไม่น่าจะแฮปปี้เท่าไหร่ก็ คือ หมอ บาร์เทนเดอร์ คนขับรถบรรทุก เสมียน เจ้าหน้าที่สรรพากร นักแสดงชายและนางแบบ
แหม... ถ้าสำรวจในประเทศไทยเราก็ไม่รู้ว่า ผลจะออกมาแบบนี้ไหม?


Le pain....

=> gros pain [n.m.] ขนมปังก้อนกลมใหญ่ขายตามนํ้าหนัก
=> pain de campagne [n.m.] ขนมปังก้อนกลมใหญ่เนื้อหยาบ
=> pain de mie [n.m ]ขนมปังปอนด์
=> pain complet [n.m] ขนมปังโฮลวีท
=> pain aux raisins [n.m.] ขนมปังใส่ลูกเกด
=> pain au chocolat [n.m.] ขนมปังช๊อกโกแลต
=> petits pains [n.m.pl.] ขนมปังก้อนกลมเล็กๆ
=> brioche [n.f] ขนมปังก้อนกลมๆเบาๆนุ่มๆ
=> croissant [n.m.] ขนมปังครัวซอง (รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว)
=> biscuit [n.m.]ขนมปังกรอบ, คุกกี้์, ขนมปังกระป๋อง
=> biscotte [n.f.] ขนมปังกรอบ
=> pain grillé [n.m] ขนมปังปิ้ง

=> toast [n.m]ขนมปังปิ้ง
=> petits-fours [n.m.pl.] ขนมชิ้นเล็กๆจากเตาอบเช่น คุกกี้


Le dessert .....

=>bonbons [n.m.pl.] ลูกอม, ลูกกวาด
=>crème caramel คัสตาร์ด
=>crêpe แคร๊ป

=>éclair (au chocolat, au café) [n.m.] เอคแลร์์์ (ใส้ช๊อกโกแลต, ใส้กาแฟ)
=>gâteau (au chocolat) [n.m] ขนมเค๊ก (ช๊อกโกแลต)
=>galette [n.f.] ขนมแบนๆกลมๆคล้ายขนมเปิ๊ยะ (ทำจากแป้ง เนย และ ไข่)
=>gaufre [n.f.] ขนมรังผึ้ง
=>sorbet (au citron, à la framboise)
ไอศครีมที่ไม่ใส่นมและครีม มักจะทำจากนํ้าผลไม้ (ไอศครีมมะนาว)
=>millefeuille [n.m.]
ขนมชนิดหนึ่ง
=>tarte (aux pommes, aux fraises)[n.f.] ขนมพาย (หน้าแอปเปิล, หน้าสตรอเบอรี)






La brioche ..




Le pain de mie




La galette


Le millefeuille

น่ากินทั้งนั้นเลย

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Punch

++ ช่วงนี้สอบอะไรเยอะแยะเลย !! ที่เพิ่งสอบไปก็ฝรั่งเศล ได้คะแนนผ่านพอดีเลย เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ลุ้นแทบแย่ คราวหน้าจะพยายามให้ดีขึ้นอีก+สู้ๆ+**



ท่าประจำเวลาส่องกระจก

เคยไหม...? เวลาเดินผ่านกระจกจะต้องหันไปมองตัวเองแทบทุกครั้ง บางทีไม่ได้มองตรง ๆ แต่ก็ขอแอบเหล่ ๆ สักนิดก็ยังดี หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างงี้กันทั้งนั้น เวลาที่เราเดินผ่านกระจกส่วนมากเราจะมีท่าประจำ ลองดูซิว่าไอ้ท่าประจำเวลาส่องกระจกของเรามันบอกนิสัยของเราอย่างไรบ้าง

ถ้าชอบทำหน้าทะเล้นยักคิ้วหลิ่วตา หรือทำท่าทางประหลาด

บอกได้เลยว่าคุณเป็นคนสนุกสนาน ขี้เล่น ไม่กลัวใครและกล้าเผชิญปัญหาทุก รูปแบบมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ใครมาออกคำสั่งให้คุณทำโน่นทำนี่ต้องผิดหวังกลับไปทุกราย คุณไม่มีทางทำตามคำสั่งหรอก

ชอบส่งยิ้มให้ตัวเองในกระจก

คุณเป็นคนน่ารัก ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น โดยเฉพาะใครที่กำลังเดือดร้อน คอยเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนไม่มีขาด จะเรียกได้ว่าคุณเป็นแม่พระในหมู่เพื่อนก็คงไม่ผิดนัก

ส่องกระจกแล้วทำหน้าเครียด

แสดงว่าคุณเป็นคนเอางานเอาการ ไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณจะจริงจังกับทุกเรื่อง แต่บางครั้งมากไป คลายความรู้สึกหนัก ๆ ลงบ้างก็จะพบว่ามีสิ่งดี ๆ

ส่องกระจกแล้วแอบปลื้มตัวเอง

แสดงว่าคุณจัดอยู่ในพวกติสต์ ช่างคิดช่างฝัน ช่างจินตนาการ แต่ถึงแม้จะเป็นพวกทำตามอารมณ์แต่คุณกลับเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงมาก ไม่หวั่นกับอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ

เขินอายไม่กล้าสบตาตัวเองเวลาส่องกระจก

คุณเป็นคน ขี้อาย ยึดมั่นในความคิดตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ มีอารมณ์สุนทรีย์ อ่อนโยน ขยัน แถมยังเป็นพวกหัวรุนแรงไม่ใช่เล่น นิสัยยังเป็นคนเงียบ ๆ รักสงบ ชอบประนีประนอมและไม่ชอบหาเรื่องใคร

เวลาส่องกระจกมักจะสำรวจตัวเองไปทุกส่วน

คุณเป็นคนรักสวยรักงาม เอาใจใส่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทนไม่ได้เลยหากตัวเองจะดูไม่ดีในสายตาของคนอื่น เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว รักความก้าวหน้า ไฟแรง และพร้อมจะผลักดันตัวเองให้ไปยืนอยู่แถวหน้าอย่างที่ใจต้องการ



วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

อะไรกันเนี่ย..


เราคิดอะไรอยู่ว้า....
**รู้แล้ว..ก็คิดไม่ออกไงว่า..จะถ่ายรูปท่าไหนดี


*** เห็นกล้องเป็นไม่ได้อะ...

*** ลูกตาลหนักป่าวเนี่ย....

Le pain


Le pain est un aliment de base dans de nombreuses sociétés humaines. Il est fabriqué à partir de farine, de levure ou levain, de sel et d'eau. La pâte du pain est soumise à un gonflement (pâte levée) dû à la fermentation, c'est ce qui caractérise le pain par rapport à la galette. La farine provient principalement de céréales panifiables : blé et seigle. On peut y adjoindre, en quantité modérée des farines d'autres provenances : autres céréales (orge, maïs), châtaigne, noix… En effet, les céréales panifiables se caractérisent par la présence de gluten, ensembles de protéines aux propriétés élastiques qui permettent d'emprisonner les bulles de gaz carbonique dégagées par la fermentation . C'est ce qui permet la levée de la pâte.


Le pain dans le monde

* France *
La fabrication est règlementée par la loi : le pain normal doit être préparé à
partir de farine de blé tendre (froment).
Le pain contient 2,5 - 2,7 g de sel (baguette) soit les besoins journaliers d’une personne. Le pain ainsi que d'autres aliments préparés vont devoir réduire leur teneur en sodium de 20 % en cinq ans. En outre un étiquetage indiquant la quantité de sel est envisagé.
Un pain sans levure est dit pain azyme.
L'artisan qui pétrit et cuit le pain est un boulanger
*Arménie *
Les pains traditionnels arméniens sont le lavash , ce qui signifie "regarde bien", et le "matnakash", qui signifie "tiré des doigts".